เริ่มขึ้นปีใหม่แล้ว ใครที่มีแผนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ คงเริ่มคิดแล้วว่าจะไปเรียนต่อที่ประเทศไหนดี วันนี้ทาง NC World Education Links มีผมการจัดอันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในปี 2017 มาฝากกันครับ ซึ่งจัดทำโดย Quacquarelli Symonds โดยประเมินมาจาก การจัดอันดับของมหาลัยต่างๆ ทั่วโลก ความหลากหลายทางสัญชาติและเชื้อชาติของนักเรียนนักศึกษา อัตราการจ่างงาน ค่าครองชีพ และคุณภาพชีวิตของนักศึกษา
อันดับที่ 1 : ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
มหานครปารีส ยังคงครองแชมป์เมืองน่าเรียนอันดับ 1 อีกสมัย และยังได้รับอันดับ 1 ของเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนนักศึกษาอีกด้วย โดยที่มีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก (QS World University Rankings) อยู่มากถึง 18 มหาลัยด้วยกัน
แต่ถึงแม่ปารีสจะเป็นเมืองที่อยู่ในระดับท๊อปของเมืองที่มีคาครองชีพสูง แต่เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ค่อนข้างราคาถูก จึงทำให้เหล่านักศึกษาสามารถที่จะวางแผนงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการเรียนต่อได้ไม่ยาก ทั้งยังติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในอันดับที่ 29 ของโลกใน Global Livability Ranking
อันดับที่ 2 : เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
เป็นอดีตเมืองหลวง และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศออสเตรเลียรองจากซิดนีย์ และยังคงอยู่ในอันดับสองในด้านความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยคุณภาพชีวิต และอันตราการจ้างงาน
เมลเบิร์นขึ้นชื่อด้านความเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม โดยมีชายหาดที่สวยงามให้ได้ไปอาบแดด มีสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่สวยงาน และได้การันตีด้วนอันดับ 1 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ในส่วนสถาบันการศึกษาติดอยู่ในอันดับสูงสุดที่อันดับ 19 ละ 42 ของโลก
อันดับที่ 3 : โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โตเกียวอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งไต่มาจากอันดับที่ 7 ในปีที่แล้ว โดยโตเกียวเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นที่มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น แต่ก็เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยและบรรยากาศอันคึกคักที่ดึกดูดผู้คนทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางไปสัมผัสความสวยงาม โดยในโตเกียวมีมหาวิทยาลัยนานาชาติจำนวนมากถึง 13 แห่งที่ติดอันดับ Top University Rankings
อันดับที่ 4 : ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ถือเป็นเมืองที่สองของประเทศออสเตรเลียที่ติดอยู่ใน อันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในปี 2017 ของเราในครั้งนี้ โดยที่ประเทศออสเตรเลียนั้นติดอันดับที่ 3 ของประเทศยอดนิยมที่นักศึกษาไปเรียนต่อมากที่สุดในโลก จะเป็นรองก็แค่อเมริกาและอังกฤษ
โดยซิดนีย์ได้คะแนนน้อยกว่าเมลเบิร์นเนื่องจากเป็นเมืองที่มีค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าครองชีพที่สูงกว่า แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้นักศึกษาเลือกมาเรียนที่นี้น้อยลงแต่อย่างใด ด้วยความที่ซิดนีย์มีทัศนียภาพที่งดงามได้แก่ ท่าเรือ ชายหาย ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางใจเมือง และมีมหาวิยลัยที่ถึง 5 แห่งที่ติดอันดับมหาวิยลัยที่ดีที่สุดในโลก
อันดับที่ 5 : ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลอนดอนตกอันดับลงมาจากอันดับที่ 3 ในปีที่แล้ว และลอนดอนยังเรียกได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาชั่นนำของโลก เนื่องด้วยมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกเป็นจำนวนมากถึง 19 แห่ง เช่น University College London (UCL) ในอันดับที่ 7 และ Imperial College London ในอันดับที่ 8 ตามลำดับ
นอกเหนือไปจากความโดดเด่นทางด้านมหาลัยและการศึกษาแล้ว ลอนดอนยังเป็นเมืองศูนย์กลางและด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองในฝันของนักศึกษาทั่วโลก คงเพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมที่แสนงดงาม ทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่น่าหลงไหลที่ผสมกลมกลืนกันเป็นอย่างดี
ใน่สวนของข้อเสียของการมาเรียนต่อที่ลอนดอน ก็คือค่าครองชีพและค่าทำเนียมการศึกษาที่ค่อนข้างจะมีราคาสูง แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลคุ้มค่ากับคุณภาพการศึกษาที่นักเรียนจะได้รับกลับไป จากการที่ได้มาเรียนต่อที่ลอนดอนนี้
อันดับที่ 6 : ประเทศสิงคโปร์
หนึ่งในประเทศในกลุ่มอาเซียนที่แม้จะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ แต่มีคุณภาพการศึกษาในระดับสูง โดยสิงคโปร์ขึ้นชื่อในด้านการเป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษาในระดับทอปของโลก โดยที่บัณฑิตที่จบมาจากสิงคโปร์นั่นเป็นที่ต้องการของบริษัทต่างทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย
นอกจากทางด้านการศึกษาในระดับสูงที่สุดในภูมิภาคแล้ว ประเทศสิงคโปรยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมีอัตราการว่างงานและการก่ออาชญากรรมที่ต่ำ รวมถึงติด top 5 ประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดของโลก ที่จัดขึ้นโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสระดับนานาชาติส่วนในด้านของข้อเสียก็คือค่าครองชีพที่ถือว่าสูงมากๆ ติดอันดับ 4 ของโลก
อันดับที่ 7 : มอนทรีออล ประเทศแคนนาดา
มอลทรีออลคือเมืองหลวงของประเทศแคนนาดา หนึ่งในเมืองที่น่าอยู่อันดับที่ 14 ของโลกในปีล่าสุด และยังเป็นเมืองที่น่าเรียนต่ออันดับที่ 7 ของในปีนี้อีกด้วย
มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศแคนนาดาคือ McGill University ก็ยังติดอันดับ 24 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกอีกด้วย และเมืองมอนทรีออลยังโดนเด่นด้านความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ จากการอพยพเข้ามาของผู้คนจากทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง
นอกจากยังเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกรองจากกรุงปารีส เลยทีเดียวและสำหรับใครที่มาเรียนต่อที่นี่ไม่ควรพลาดเทศกาลสุดฮิตของเมืองมอนทรีโอ คือเทศกาล “Just for Laughs” หรือก็คือเทศกาลตลกที่ใหญ่ที่สุดของโลก
อันดับที่ 8 : ฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินการธนาคารชั้นนำของโลก ถือเป็นเมืองแห่งการศึกษาระดับท๊อปๆ ของเอเชียและยังถือว่าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดเมืองนึงของโลก แต่ฮ่องกงกลับเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงในอันดับที่ 21 ของโลก เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยในฮ่องกงเคารพและปฏิบัติตามกฏหมาย
โดยที่มีมหาวิทยาลัยที่ติดใน QS World University Rankings ทั้งหมด 7 แห่ง นำโดย Hong Kong University of Science อยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน เช่น HKUST ที่ติดอยู่ในอันดับ 28 ของโลก
ถึงแม้ฮ่องกงนั้นจะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงอันดับ 2 ของโลก แต่เมื่อเทียบค่าทำเนียมการศึกษาและค่าครองชีพต่างๆ ที่อยู่ในระดับกลางอีกทั้งเป็นประเทศที่อยู่ไกล้ๆ กับประเทศไทย ทำให้มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่าง ตะวันออกและตะวันตก ซึ่งจะทำให้นักเรียนที่ไปเรียนต่อนั้นปรับตัวได้ไม่ยากนัก
อันดับที่ 9 : เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
นครเบอร์ลินคือเมืองหลวงของประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสวยงามในระดับท๊อปของโลกในด้านศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น ดนตรี และดีไซน์ ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีเมื่อเทียบกับเมืองแห่งแสงสีอย่างนครนิวยอร์ก และกรุงลอนดอน อีกทั้งยังอยู่ในอันดับ 20 ของเมืองที่น่าอยู่ของโลก และอยุ่ในอันดับที่ 12 เมืองที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดในโลก
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้กรุงเบอร์ลินเป็นเสมือนเมืองหลวงแห่งการศึกษาคือมหาวิทยาลัยของรัฐโดยส่วนใหญ่นั้นไม่เก็บค่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาทั้งกับนักศึกษาท้องถิ่นหรือนักศึกษาชาวช่างชาติ (ยกเว้นปลักสูตรปริญญาโทในบางสาขา) และค่าครองชีพในเบอร์ลินยังไม่สูงมากอีกด้วย
อันดับที่ 10 : โซล ประเทศเกาหลีใต้
อีกหนึ่งเมืองในทวีเอเชียที่ติดอันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกในอันดับที่ 10 “กรุงโซล” คือเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งเมืองในฝันของการมาเรียนต่อของนักศึกษาต่างชาติ เพราะเป็นเมืองที่ถือว่าเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นอันดับต้นๆของเอเชีย มีอากาศที่ดีและเต็มไปด้วยสีสันของเมืองหลวงที่สวยงามและทันสมัย ส่วนในด้านการศึกษานั้น โซลมีมหาลัยที่ติดอันดับโลกอยู่ถึง 16 แห่งและยังได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพชีวิตของนักศึกษาในระดับสูงอีกด้วย